1.ปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence หรือ AI)

คำนิยาม AI ตามความสามารถที่มนุษย์ต้องการให้มันแบ่งได้ 4 กลุ่ม ดังนี้
- ระบบที่คิดเหมือนมนุษย์ (Systems that think like humans)
- ระบบที่กระทำเหมือนมนุษย์ (Systems that act like humans)
- ระบบที่คิดอย่างมีเหตุผล (Systems that think rationally)
- ระบบที่กระทำอย่างมีเหตุผล (System that act rationally)
สรุป ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI ก็คือ วิทยาการด้านปัญญาที่จะมาช่วยให้มนุษย์อย่างเราๆแก้ปัญหาต่างๆได้ดีขึ้น โดยสร้างหุ่นยนต์ให้สามารถทำงานได้เหมือคน, หรือจะใส่เจ้าปัญญาประดิษฐ์ลงไปในคอมพิวเตอร์ ให้คอมพิวเตอร์ช่วยจำลองการทำงานต่างๆ เลียนแบบพฤติกรรมของคน โดยเน้นตามแนวความคิดแบบสมองมนุษย์ที่มีการวางแผนขั้นตอนการเรียนรู้ การตัดสินใจ การแก้ปัญหา รวมไปถึงการเลือกแนวทางการดำเนินการในลักษณะคล้ายมนุษย์นั้นเอง
2.โลกกึ่งเสมือนจริง(Augmented Reality หรือAR)
เป็นเทคโนโลยีที่นำภาพเสมือน ที่เป็นรูปแบบ 3 มิติ จำลองเข้าสู่โลกจริงผ่านกล้องและการประมวลผลที่จะนำวัตถุมาทับซ้อนเข้าเป็นภาพเดียวกัน เราสามารถมองผ่านกล้องได้โดยตรง
ความจริงเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เพิ่งจะมี จริง ๆ มีการพัฒนามาตั้งแต่ปี 2010 แล้วและมีปรับปรุงรูปแบบพัฒนาความเสถียรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน AR เริ่มเห็นได้ชัดจากงานหลายอย่าง แต่ที่ชัดเจนสุดคือเกม Pokemon Go นั่นเอง
ประโยชน์ของเทคโนโลยี AR
แน่นอนว่าการเกิดของเทคโนโลยีที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วเช่น AR ต้องมีประโยชน์ที่คุณควรรู้ เช่น
- สามารถเป็นสื่อและข้อมูลที่ทำให้สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเช่น สัตว์โลกดึกดำบรรพ์ ที่จำลองป่า รวมไปถึงสภาพแวดล้อมให้เราเห็นได้
- ใช้ในเรื่องการจัดบ้านเพราะคุณจะได้เห็นตำแหน่งและการจัดบ้านจริง ๆ ก่อนที่จะซื้อของ
- ใช้ในด้านงานศิลปะที่สามารถจำลองภาพต่าง ๆ ก่อนการจัดจริงว่าควรทำอย่างไรให้ดูสวย
- ใช้สำหรับการเล่นเกม เช่น Pokemon Go ส่วนใหญ่จะใช้ในการค้นหาโปเกม่อนและการจับเพราะเราไม่รู้ว่ามันอยู่ไหนจนกว่าจะหันเจอ
เรียกได้ว่าเป็นอีกเทคโนโลยีที่มีประโยชน์อย่างมากและมีความหลากหลายที่หลายคนต้องรู้และควรปรับใช้กัน
3.บล็อกเชน (Block chain)
บล็อกเชนเปรียบเสมือนเครือข่ายการเก็บข้อมูลแบบหนึ่ง ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและได้รับข้อมูลเดียวกัน เราจึงรู้ว่าใครมีสิทธิและเป็นเจ้าของข้อมูลเหล่านี้จริงๆ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บอยู่ในแต่ละบล็อก (Block) ที่เชื่อมโยงกันบนเครือข่ายเหมือนกับห่วงโซ่ (Chain) นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้เราเรียกรูปแบบการเก็บและแชร์ข้อมูลแบบนี้ว่า Blockchain
บล็อกเชนกับอุตสาหกรรมอื่นๆ
นอกจากการใช้บล็อกเชนเพื่อโอนบิทคอยน์แล้ว เรายังสามารถใช้บล็อกเชนเพื่อโอนถ่ายข้อมูลหรือมูลค่าอื่นๆ ได้ด้วยครับ เช่น นายหน้าขายที่ดินที่ประเทศจีนอาจจะอยากทำ smart contract กับลูกค้ามหาเศรษฐีชาวซาอุดิอาระเบีย เพื่อให้การติดต่อสื่อสารข้ามโลกนี้เป็นไปได้อย่างสะดวก อีกทั้งเต็มไปด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ ข้อมูลตรงกันทั้งสองฝ่าย เทคโนโลยีบล็อกเชนจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจ ที่จะเข้ามาเป็นตัวกลางเติมเต็มความต้องการของทั้งสองฝ่ายได้
4.โดรน(Drones)
เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ
เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ
สำหรับในปัจจุบันนั้น โดรนที่นิยมใช้กันในรูปแบบต่างๆนั้นก็คือ มัลติโรเตอร์ หรือ มัลติคอปเตอร์ ที่เรียกอย่างนี้เพราะเป็นโดรนแบบใบพัด แต่ละใบพัดก็มีมอเตอร์ของตัวเอง รูปร่างก็จะคล้ายๆเฮลิคอปเตอร์แต่จะอาศัยใบพัดเยอะกว่า ที่นิยมกันก็จะเป็นแบบ 4 ใบพัด และ 6 ใบพัด ซึ่งมัลติคอปเตอร์นั้นก็มีข้อดีตรงสามารถขึ้น – ลง ในแนวตั้งได้ ซึ่งเจ้าตัวมัลติโรเตอร์นี่เองที่เป็นพระเอกที่คนนำไปดัดแปลงในรูปแบบต่างๆเพื่อนำไปใช้งานตามที่ตัวเองต้องการ ยกตัวอย่าง
- -นำกล้องมาติดเพื่อถ่ายรูปจากมุมสูง
- -ใช้ในการขนส่งสินค้าอย่างที่ google และ amazon กำลังพัฒนา
- -ใช้โดรนฉีดปุ๋ย พ่นสารเคมี ในการเกษตร
- -ใช้โดรนตรวจสภาพจราจร เก็บข้อมูลภูมิศาสตร์
- -ใช้โดรนในการช่วงชีวิตผู้ประสบภัยในพื้นที่ๆผู้ช่วยชีวิตเข้าถึงยาก
ที่มา:
https://mindphp.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1/65-archive/4083-computer-composition.html
https://sites.google.com/site/chutima01nok/home/sarbay/withi-leuxk-sux-khxmphiwtexr
http://thn21531-06.blogspot.com/2011/12/blog-post_26.html
https://www.tososay.com/10-วิธีง่ายๆ-ในการดูแล-รักษา-คอมพิวเตอร์ของคุณ.html/
No comments:
Post a Comment